InvestmentTalk – ปรับกลยุทธ์ลงทุนกับ @FundTalk ตอน “ข่าวดีคือไม่มีข่าวร้าย”

แชร์บทความนี้

เจษฎาสุขทิศ, CFA | 1 สิงหาคม 2554

 

ห่างหายกันไปนานพอสมควรนะครับกับบทความ ” ปรับกลยุทธ์ลงทุนกับ @FundTalk ” เผลอแป๊บเดียวก็มาถึงปลายไตรมาส 3 จ่อต้นไตรมาส 4 ของปีกระต่ายทองแล้วนะครับ [ ย้อนไปอ่านบทความจัดพอร์ตลงทุนรับปีกระต่ายทองที่ผมเขียนไว้ตอนต้นปีได้ที่ http://fundmanagertalk.com/investment-talk-2011-investment-strategy/ ] บทความ ปรับกลยุทธ์ฉบับนี้เป็นมุมมองส่วนตัวของผมต่อภาวะแนวโน้มเศรษฐกิจและการ ลงทุน โดยต้องขออนุญาตออกตัวว่ามุมมองต่อไปนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน เท่านั้น มิใช่มุมมองของบริษัทที่ผู้เขียนทำงานอยู่แต่อย่างใด

 

เห็น ได้ชัดว่าตลาดลงทุนในช่วงนี้ค่อนข้างผันผวนไปตามการคาดการณ์ของเศรษฐกิจโลก เป็นอย่างมาก เริ่มตั้งแต่ประเด็นที่ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยซ้ำซ้อน [Double Dip Recession] หรือไม่ในปี 2012 และปัญหาเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยุโรป ที่มีทั้งปัญหาเรื่องหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศ PIGS ที่ยังไม่มีกระบวนการแก้ปัญหาที่เบ็ดเสร็จ นอกจากนี้เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยุโรปเองก็ดูจะไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก

 

สำหรับ นักลงทุนระยะสั้น เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกในเวลานี้อ่อนไหวต่อปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็น อย่างมาก ผมแนะนำให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ทยอยประกาศต่อเนื่องอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลขของสหรัฐฯ และยุโรป เห็นได้ชัดว่าเมื่อตัวเลขเศรษฐกิจประกาศออกมา ดีกว่า/แย่กว่า ที่ตลาดคาดการณ์เมื่อใดก็มักจะทำให้ตลาดทุนเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตามอย่าง ทันที ซึ่งผมมีข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่าขอเพียงแค่ไม่มีข่าวร้ายตลาดทุนก็พอจะปรับ ตัวขึ้นได้แล้วในระยะสั้น ซึ่งตรงกับชื่อบทความฉบับนี้ของผมที่ว่า “ช่าวดี คือไม่มีข่าวร้าย” นั่นเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สำหรับการลงทุนระยะยาว และการจัดพอร์ต [Asset Allocation] ผมมีมุมมองว่าเศรษฐกิจอเมริกา และเศรษฐกิจโลกจะไม่เข้าสู่ภาวะ Double Dip Recession ในปี 2012 แต่จะอยู่ในภาวะเติบโตอย่างเชื่องช้า [Growth Slowdown] โดย ภูมิภาคที่ยังเติบโตได้ดีจะยังคงเป็นตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะเอเชีย ขณะที่ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างอเมริกา, ยุโรป, ญี่ปุ่น จะยังคงเติบโตในระดับที่เชื่องช้าต่อไป หากเป็นอย่างที่ผมคาดว่าปีหน้าจะเป็นแค่ Slowdown ไม่ใช่ Recession เศรษฐกิจ ไทยจะยังคงเติบโตไปได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับศักยภาพ โดยภาคการบริโภค และการใช้จ่ายของภาครัฐ จะมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโต และเข้ามาทดแทนความสำคัญของภาคการส่งออกที่อาจจะโตช้าลงบ้างจากปัญหา เศรษฐกิจโลก

 

จากมุมมองข้างต้นตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายปี 2012 – 2013 น่าจะยังมีพื้นฐานที่ดีรองรับ โดยเฉพาะกำไรของบริษัทจดทะเบียนฯ ที่จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง 10 – 20% ต่อปี หากมองที่ระดับ P/E Ratio ประมาณ 11 – 13 เท่า ราคาที่เหมาะสมของ SET Index ก็จะอยู่ในช่วง 1100 – 1300 จุด หรือคิดเป็นผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 10 – 20% ต่อปีหากดูจากราคาปัจจุบัน ในส่วนของตลาดเงิน และตลาดตราสารหนี้ ผมมองว่าเราเข้าสู่ช่วงปลายวัฏจักรของการปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้แล้ว โดยดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยน่าจะทำจุดสูงสุดที่ระดับ 3.50 – 4.00% ส่วนหนึ่งมาจากอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และอัตราเงินเฟ้อในปีหน้าก็ดูมีแนวโน้มจะทรงตัว คือไม่เร่งตัวมากไปกว่านี้เท่าไรนัก ซึ่งในช่วงปลายวัฏจักรของดอกเบี้ยขาขึ้นนี้เองที่การลงทุนตราสารหนี้จะกลับ มาเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในสภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนค่อนข้างมาก

 

สุดท้ายคือตลาดโภคภัณฑ์ ในภาวะที่เศรษฐกิจโตช้า ผมมองว่าราคาน้ำมันโลกจะไม่ถีบตัวขึ้นสูงมาก โดยน่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway จาก ระดับปัจจุบัน หรือปรับลดลงได้อีกเล็กน้อย เช่นเดียวกันกับราคาสินค้าเกษตร ส่วนราคาทองคำเนื่องจากในปี 2554 ที่ผ่านมาราคาปรับเพิ่มขึ้นไปมากในระยะเวลาอันสั้น ผมมองว่าน่าจะมีการพักฐานบ้าง แต่แนวโน้มยังคงเป็นขาขึ้นในระยะยาวจากปัจจัยในเรื่องอุปสงค์ และอุปทานของตลาด [อ่านบทความเรื่อง “แบ่งเงิน ไปซื้อทอง” ที่ผมเคยให้ความเห็นไว้เมื่อปี 2009 ซึ่งผมยังคงยืนยันในมุมมองที่เคยได้ให้ไว้ครับ http://fundmanagertalk.com/investment-talk-buy-gold/]

 

โดยสรุป ช่วงนี้เป็นช่วงที่นักลงทุนควรรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี [หมายถึงรักษาเงินต้น] ลงทุนอย่างระมัดระวัง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังค่อนข้างผันผวนมาก ไอเดียที่ดีคือการกระจายการลงทุนในหลายกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีแนวโน้มดี และจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตัวเอง สุดท้ายขอให้ทุกท่านสมหวังกับผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนในปีกระต่ายทองปีนี้ สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

Facebook Comments

แชร์บทความนี้
เจษฎา สุขทิศ, CFA ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FINNOMENA & นายกสมาคมฟินเทคประเทศไทย คุณเจษฎา เคยปฏิบัติงานในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล และเคยร่วมงานเป็นผู้จัดการกองทุนกับกลุ่ม เจพี มอร์แกน, ไทยพาณิชย์ และยูโอบี นอกจากนี้ ในปัจจุบัน คุณเจษฎา รับหน้าที่เป็นวิทยากรด้านการเงิน และฟินเทค ให้กับภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ คุณเจษฎา เคยได้รับรางวัลนักเศรษฐศาสตร์ดาวรุ่งจากสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์, รางวัล Most Astute Investor จากนิตยสาร The Asset และรางวัล Morningstar Fund Award
Posts created 106

Related Posts

Begin typing your search term above and press enter to search. Press ESC to cancel.

Back To Top