การลงทุนแบบ “เน้นคุณค่า” หรือที่เรียกว่า “ลงทุนแบบ VI” มักเป็นคำที่ติดหูและเป็น Style การลงทุนที่นักลงทุนหลายๆคนเลือกยึดเป็นแนวทางหลักในการลงทุน มีคนที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนแบบ VI มาแล้วมากมายทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก หลักการของ VI ที่สำคัญที่สุดคือ “อย่าขาดทุน” ซึ่งหมายถึงอย่าขาดทุนหนัก ๆ แท้จริงแล้วเป็นหลักการสำคัญที่สุดตัวหนึ่งที่สร้างผลตอบแทนได้ดีมากในระยะยาว โดยกองทุน M-VI ที่นำมารีวิวในวันนี้เป็นหนึ่งในกองทุนที่แก้โจทย์ที่ยากที่สุดข้อนี้ได้ดีมาก ๆ ไปดูรายละเอียดกันเลยครับ
การลงทุนแบบ VI เป็นเพียงแนวทาง จะทำให้ประสบความสำเร็จในการลงทุนได้จริงหรือ?
แนวทางการลงทุนมีอยู่มากมายให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น Value Investing (VI), Growth Focus, Momentum Trade และ Technical Trade เป็นต้น ทุกแนวทางล้วนมีคนที่ใช้แล้วประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น ซึ่งจะประสบความสำเร็จหรือไม่มันอยู่ที่ความสามารถของตัวเราในการหมั่นฝึกฝน ปรับกระบวนการคิด และเริ่มลงมือทำ
ทุกคนคงเคยได้ยินชื่อของ Warren Buffett ซึ่งเป็นนักลงทุนแนว VI ที่โด่งดังที่สุดในโลก ปัจจุบัน Warren Buffett รวยเป็นอันดับ 3 ของโลก ผู้ชายคนนี้มีสินทรัพย์กว่า 75,600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท (กองทุนทั้งหมดในประเทศไทยรวมกันมีมูลค่า 5 ล้านล้านบาท Buffett มีสินทรัพย์มากถึงครึ่งหนึ่งของกองทุนไทยทั้งประเทศรวมกันเลยทีเดียว)
ในประเทศไทยก็มีนักลงทุนสาย VI หลายท่านที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนจากการใช้แนวทางนี้ เช่น ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร อาจารย์ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา เป็นต้น
ผมมั่นใจว่าท่านต้องเคยได้ยินชื่อของนักลงทุนสาย VI ทั้งหมดด้านบนมาแล้วอย่างแน่นอน นี่แหละครับคือสาเหตุที่แนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งในไทยและทั่วโลก
กองทุน VI ระดับตำนาน
เมื่อหลายปีที่แล้วตอนที่ผมยังเป็นผู้จัดการกองทุน (พูดซะดูแก่เลย) มีโอกาสได้ดูแลกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศด้วย หรือที่เรียกกันว่า Foreign Investment Fund (FIF) ซึ่งหน้าที่หลักในการค้นหากองทุนทั่วโลกว่ามีกองทุนไหนที่น่าสนใจ และเหมาะสมกับนักลงทุนไทยบ้าง
ผมยังจำได้ดีกว่าไปสะดุดกับกองทุนสาย VI กองนึง ซึ่งเป็นกองทุนที่จดทะเบียนอยู่ในประเทศ Luxembourg (ลักเซมเบิร์ก) ถ้าสงสัยว่าประเทศนี้อยู่ตรงไหนกดตรงนี้ครับ à https://goo.gl/maps/U8UviM4TsRE2
กองทุนนั้นคือกองทุน “First Eagle Amundi International Fund” ซึ่งเป็นกองทุนที่ผู้จัดการกองทุนทั้งทีมเป็นสาย VI ทั้งหมด เอามานั่งรวมกันเพื่อบริหารกองทุนนี้ นับว่าเป็นกองทุนสาย VI อันดับต้นๆในโลกเลยก็ว่าได้
ผมชอบและอยากนำกองทุนนี้มาขายในประเทศไทยมาก แต่ก็ไม่ได้ทำ เพราะกองทุนนี้ไม่ได้ออกแบบไว้สำหรับนักลงทุนสถาบัน ค่าธรรมเนียมจึงสูงมาก ไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนในประเทศไทย
สร้างกำไรโดยการขาดทุนให้น้อย “Making More by Losing Less”
หล่อมากครับ “Making More by Losing Less” เป็นหัวใจสำคัญและเป็น slogan หลักของการบริหารกองทุนนี้
First Eagle Amundi International Fund ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1996 ผ่านมาแล้วทั้ง Asian Financial Crisis ปี 1997; Dot Com Crisis ปี 2000; Hamburger Crisis ปี 2008; และ European Debt Crisis ปี 2011 และผมเชื่อว่ากองทุนนี้จะต้องผ่านอีกหลาย crisis และจะใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ปัจจุบันกองทุนนี้มีขนาด 9,900 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 300,000 ล้านบาท!!
สิ่งที่ชอบมากที่สุดคือกองทุนนี้เน้นการสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นโดยการขาดทุนให้น้อยลง ฟังแล้วงง ๆ มั้ยครับ สิ่งหนึ่งที่ผู้จัดการกองทุนเฝ้าระวังและเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของการบริหารคือการคุม Maximum Drawdown (MaxDD) หรือการคุมโอกาสที่จะขาดทุนสูงสุดนั่นเอง ซึ่งกองทุนนี้สามารถคุมการขาดทุนได้ดีมากทีเดียว
การลงทุนทุกชนิดสามารถทำให้เราขาดทุนได้อยู่แล้ว ถ้าคุณยังไม่เคยขาดทุน แสดงว่าคุณยังไม่เคยลงทุน สิ่งที่นักลงทุนเห็นอาจไม่ใช่ MaxDD ที่อยู่เบื้องหลัง แต่เป็นผลตอบแทนที่ดีที่เกิดขึ้นในอดีต นี่แหละครับคือเบื้องหน้าของการคุม MaxDD
อะไรคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ?
ผมได้ศึกษากองทุนนี้อย่างละเอียดพบว่าการลงทุนแบบ VI คือแก่นที่ผู้จัดการกองทุนทุกคนต้องมีและจะต้องใช้ในการบริหารกอง ซึ่งนอกจากการลงทุนแบบ VI แล้วยังต้องคำนึงถึงหลัก 6 ข้อในการบริหารกองทุนนี้
- ลงทุนในธุรกิจที่ดี มี Business Model ที่แข็งแรง และจะต้องได้เปรียบคู่แข่ง
- ต้องมี Margin-of-safety (MoS) ที่สูงเพราะเราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น; MoS คือโอกาสที่ราคาหุ้นจะไม่เป็นตามที่เราคาดไว้
- ถ้าไม่มีการลงทุนที่เหมาะสมก็ถือเงินสดซะ (ตอบโจทย์คำคมเก่าแก่ที่บอกว่า Cash is King)
- ไม่ยึดติดกับ Benchmark และเกาะกระแสการลงทุนที่ฉาบฉวย
- ใช้ทองคำในการป้องกันความเสี่ยง
- ไม่กดดันผู้จัดการกองทุนเรื่องผลกำไรระยะสั้นมากนัก
ปัจจุบันกองทุน First Eagle Amundi International Fund ลงทุนอะไร…
ทาง First Eagle Amundi ได้สร้างกฎไว้ข้อหนึ่งสำหรับการบริหารกองทุนนี้คือ สามารถลงทุนได้ทุกหลักทรัพย์และจะต้องใช้หลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) อย่างน้อย 2 ใน 3 ของขนาดกองทุนหรือประมาณเกือบๆ 70% นั่นเอง ส่วนเงินที่เหลือสามารถลงทุนในตราสารอื่นได้ เช่น เงินสด หุ้นกู้ และหน่วยลงทุนเป็นต้น กฏการลงทุนนี้นอกจากจะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแล้วยังสามารถทำให้ความผันผวนของพอร์ตลดลงได้อีกด้วย
จริงๆแล้วกองทุนนี้ก็มี benchmark เหมือนกัน นั่นคือ MSCI World Index หรือแข่งกับดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกนั่นเอง ซึ่งทางกองทุนไม่ได้ให้ความสำคัญมากเท่าไร่ ซึ่งดีแล้วครับ ทีมผู้จัดการกองทุนจะได้มีอิสระในการทำงาน หาหุ้นดีดีเข้าพอร์ต และเน้นที่ผลตอบแทนระยะยาวเป็นหลัก
พอร์ตลงทุนของกองทุนล่าสุดมีหุ้นเด็ดอยู่หลายตัว ผมของเล่าถึงแค่บางตัวนะครับ
Oracle – บริษัททาธุรกิจ database management systems, cloud และ enterprise software เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีรายได้เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจาก Microsoft
FANUC – บริษัทญี่ปุ่นผู้ผลิตเครื่องจักรอัตโนมัติ หุ่นยนต์รายใหญ่ของโลก
KDDI – บริษัทโทรคมนาคมที่ให้บริการโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต ครองสัดส่วนการตลาดอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น
Wayerhawuser – บริษัทที่ทำอุตสาหกรรมป่าไม้ใหญ่สุดในโลก เป็นเจ้าของที่ดินในสหรัฐฯ 12.8 ล้านเอเคอร์ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งเหมืองแร่ พลังงานทดแทน
Schlumberger – บริษัทสำรวจและขุดเจาะน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Comcast – บริษัทด้านโทรคมนาคมและสื่อสารมวลชน เจ้าของ NBC, CNBC, USA Network, Universal Pictures, Time Warner Cable
Omnicom Group – บริษัทโฆษณาและการตลาดขนาดใหญ่ที่มีเครือข่ายเอเจนซี่มากกว่า 1,500 บริษัททั่วโลก
ข่าวดีคือคนไทยอย่างเราเราลงทุนในกองทุนนี้ได้แล้ว
ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กองทุน First Eagle Amundi International Fund ได้เปิด Class ใหม่ที่เหมาะสมในการนำมาให้นักลงทุนในไทยได้ลงกัน มีบลจ.ตาไวอย่าง บลจ.MFC ได้ทำการออกกองทุนที่จะนำเงินไปลงทุนในกองทุนนี้แล้ว ในรูปแบบของ Feeder Fund ชื่อว่า กองทุนเปิด เอ็มเอฟซี แวลู อินเวสติง หรือเรียกสั้น ๆ ว่า M-VI
M-VI เป็นกองทุน VI กองทุนแรกของประเทศไทยที่ลงทุนแบบ VI ทั่วโลก นักลงทุนไม่จำเป็นต้องขนเงินไปต่างประเทศเพื่อลงทุนในกองทุนนี้อีกแล้ว สามารถลงทุนผ่านบลจ.MFC ได้เลย ซึ่งรายละเอียดหลักๆของกองทุน M-VI เป็นดังนี้ครับ
- ชื่อ กองทุนเปิด เอ็มเอฟซี แวลู อินเวสติง (M-VI)
- IPO: 25 เม.ย.-15 พ.ค.2561 – ขายได้ไม่เกิน 2,000 ล้านบาท
- ความเสี่ยงระดับ 5 จาก 8 – เรียกว่าเสี่ยงกลางๆ
- เหมาะสำหรับลงทุนระยะยาว 5 ปีขึ้นไป
- ป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงินตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน (ปรกติจะประมาณ 80 – 100%)
- ไม่จ่ายปันผล เน้นการลงทุนแบบทบต้นทบดอก เป็นกอบเป็นกำ
- ซื้อครั้งแรกขั้นต่ำ 10,000 บาท ต่อไปครั้งละ 1,000
- ตอนขาย 5 วันได้เงิน
- รายละเอียดอื่นๆติดต่อ บลจ. MFC นะครับ เบอร์ 02-649-2000
สิ่งที่อยากฝากไว้
ขอย้ำอีกครั้งสำหรับประโยคนี้ “การลงทุนทุกชนิดสามารถทำให้เราขาดทุนได้อยู่แล้ว ถ้าคุณยังไม่เคยขาดทุน แสดงว่าคุณยังไม่เคยลงทุน” การลงทุนมีหลายชนิด ออกแบบไว้สำหรับนักลงทุนหลายประเภท
- ถ้าคุณสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นได้… กองทุนนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกของคุณ…
- ถ้าคุณสามารถลงทุนระยะยาวมากกว่า 5 ปีได้… กองทุนนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกของคุณ…
- ถ้าคุณกำลังศึกษาเรื่องการลงทุนแบบ VI แต่ยังไม่ได้ลงทุน… กองทุนนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกของคุณ…
- ถ้าคุณอยากลงทุนในหุ้น แต่ไม่มีเวลา กังวลเรื่องความผันผวน… กองทุนนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกของคุณ…
อย่าลืมนะครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดของการลงทุนไม่ใช่การลงทุน แต่เป็นการศึกษาหาข้อมูลทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงให้มาก ๆก่อนการตัดสินใจลงทุน เพื่อให้ได้กองทุนที่เหมาะกับตัวเรา และผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต โชคดีการลงทุนครับ
FundTalk รายงาน