InvestmentTalk – ความสวยงามของหุ้นขนาดเล็ก (Small is Beautiful)

แชร์บทความนี้

หุ้นขนาดเล็ก (Small Cap Stocks) คือหุ้นที่มีขนาดของกิจการยังไม่ใหญ่มาก ซึ่งโดยมากจะหมายถึงหุ้นที่มีมูลค่ากิจการตามราคาตลาดต่ำกว่า 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.1 แสนล้านบาท) ผู้เขียนมองว่าการลงทุนในหุ้น Small Cap เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับพอร์ตการลงทุนในระยะยาว จากคุณลักษณะสำคัญหลายประการ ดังนี้ครับ

ศักยภาพในการเติบโตที่สูงกว่า
ผู้เขียนเชื่อเสมอว่า “ราคาหุ้น ระยะสั้นตามข่าว ระยะยาวตามกำไร” คือราคาหุ้นในระยะสั้นมักจะผันผวนไปตามกระแสข่าวต่าง ๆ เกี่ยวกับบริษัท ขณะที่การเติบโตของราคาหุ้นระยะยาวจะสอดคล้องกับการเติบโตของกำไรของแต่ละบริษัท จากการศึกษาพบว่าการเติบโตของหุ้น Small Cap ทั่วโลกมีอัตราการเติบโตของกำไรอยู่ประมาณ 14.7% ขณะที่การเติบโตของตลาดหุ้นโลกโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 11.1% ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เนื่องจากหากคิดจากหลักความเป็นจริง บริษัทที่มีขนาดใหญ่ มีฐานกำไรที่ใหญ่มาก ย่อมเป็นไปได้ยากที่จะมีการเติบโตกำไรสูง ๆ เมื่อเทียบกับบริษัทขนาดเล็กที่กำลังอยู่ในช่วงวัฏจักรของการเติบโต

หากมองกันในระยะยาว ๆ บนสมมติฐานว่าราคาหุ้นจะปรับตัวเท่ากับอัตราการเติบโตของกำไร การลงทุนในหุ้น Small Cap ทั่วโลกเป็นเวลา 10 ปีจะให้ผลตอบแทนสูงถึง 394% หรือประมาณ 4 เท่าตัว ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่จะให้ผลตอบแทนประมาณ 286% ในระยะเวลาการลงทุน 10 ปีเท่ากัน เรียกได้ว่าแตกต่างกันกว่าร้อยเปอร์เซนต์เลยครับ

ความสวยงามที่ยังไม่ถูกค้นพบ
หุ้นขนาดเล็กจำนวนมากยังคงเป็นบริษัทที่ตลาดยังไม่รับรู้ข้อมูลข่าวสาร นักวิเคราะห์ยังไม่ออกบทวิเคราะห์มากนัก หรือบางครั้งอยู่ในช่วงแรกของการ IPO จึงทำให้บ่อยครั้งหุ้นขนาดเล็กมีราคาต่ำกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็น ภายหลังจากที่หุ้นขนาดเล็กทำกำไรเติบโตดีซักระยะ นักลงทุนรวมถึงนักวิเคราะห์ก็จะเริ่มตระหนักถึงมูลค่าที่แท้จริงของกิจการและเข้าลงทุนในหุ้นทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นได้มาก นอกจากนี้ในบางกรณีบริษัทขนาดเล็กก็กลายเป็นเป้าหมายในการควบรวมกิจการของบริษัทขนาดใหญ่ (Takeover Target) ได้อีกด้วย

Apple Inc.
16 ปีที่แล้วมีบริษัทขนาดเล็กแห่งหนึ่งชื่อ Apple Inc. ซึ่งขณะนั้นมีผลิตภัณฑ์หลักคือเครื่องคอมพิวเตอร์ Macintosh ซึ่งไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก โดยในปี ค.ศ. 1998 บริษัท Apple มีมูลค่ากิจการอยู่ที่ประมาณ 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีกำไรในปีนั้นที่ 309 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 16 ปีผ่านไป ณ สิ้นปี ค.ศ. 2013 มูลค่ากิจการของ Apple เพิ่มขึ้นถึง 300 เท่าตัวอยู่ที่ประมาณ 5.05 แสนล้านเหรียญ และมีกำไรเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 120 เท่าตัวอยู่ที่ประมาณ 37 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ บริษัทอย่าง Apple ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของเรื่องราวการเติบโตของหุ้น Small Cap ที่เติบโตเป็นหุ้น Big Cap ขนาดใหญ่ที่สุดของโลกได้อย่างน่าอัศจรรย์

ผลตอบแทนในอดีตของหุ้นกลุ่ม Small Cap
หากดูผลตอบแทนของการลงทุนในหุ้น Small Cap เปรียบเทียบกับหุ้น Big Cap ในแต่ละภูมิภาคของโลกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าผลตอบแทนของหุ้น Small Cap มีอัตราที่สูงกว่าหุ้น Big Cap อย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้
– สหรัฐฯ ผลตอบแทนของหุ้น Small Cap สูงถึง 296% ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาสูงกว่าหุ้น Big Cap ถึง 55%
– ยุโรป ผลตอบแทนของหุ้น Small Cap สูงถึง 263% ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาสูงกว่าหุ้น Big Cap ถึง 79%
– เอเชียฯ ผลตอบแทนของหุ้น Small Cap สูงถึง 193% ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาสูงกว่าหุ้น Big Cap ถึง 22%

ทั้งหมดก็เป็นเรื่องราวความสวยงามของหุ้นขนาดเล็กที่นำมาเสนอให้กับท่านนักลงทุนในวันนี้ โดยผู้เขียนมองว่าเป็นอีก Asset Class หนึ่งซึ่งควรมีไว้ในพอร์ตลงทุนเพื่อช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวครับ

Facebook Comments

แชร์บทความนี้
เจษฎา สุขทิศ, CFA ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FINNOMENA & นายกสมาคมฟินเทคประเทศไทย คุณเจษฎา เคยปฏิบัติงานในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล และเคยร่วมงานเป็นผู้จัดการกองทุนกับกลุ่ม เจพี มอร์แกน, ไทยพาณิชย์ และยูโอบี นอกจากนี้ ในปัจจุบัน คุณเจษฎา รับหน้าที่เป็นวิทยากรด้านการเงิน และฟินเทค ให้กับภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ คุณเจษฎา เคยได้รับรางวัลนักเศรษฐศาสตร์ดาวรุ่งจากสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์, รางวัล Most Astute Investor จากนิตยสาร The Asset และรางวัล Morningstar Fund Award
Posts created 106

Related Posts

Begin typing your search term above and press enter to search. Press ESC to cancel.

Back To Top