ถ้าพูดกันถึงกองทุนหุ้นแนวที่ส่วนตัวผมชอบมากที่สุดคงหนีไม่พ้นหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็ก เหตุผลง่าย ๆ คือราคาหุ้นนั้นวิ่งตามการเติบโตของกำไรต่อหุ้นในระยะยาว และหุ้นขนาดเล็กนั้นมีโอกาสการเติบโตของกำไรมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่เพราะฐานกำไรยังเล็กอยู่ การเลือกกองทุนหุ้นชนิดนี้ ความสามารถของทีมผู้จัดการกองทุนในการเลือกหุ้นรายตัวมีผลเป็นอย่างมาก และกองทุนหนึ่งที่ผมยกให้เป็นกองทุนหุ้นขนาดกลาง/เล็ก สุดคลาสสิคของเมืองไทยก็คือ กองทุนเปิด อเบอร์ดีนสมอลแค็พ ABSM – Aberdeen Small Cap Fund ส่วนจะคลาสสิคอย่างไรนั้น ไปชมกันครับ
สไตล์การจัดพอร์ตหุ้นของอเบอร์ดีน
อเบอร์ดีนเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทยในปี 2528 จนถึงวันนี้ก็กว่า 30 ปีแล้วครับ โดยให้ความสำคัญมาก ๆ กับการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ กลยุทธ์การประกอบธุรกิจ ผู้บริหาร และการมุ่งประโยชน์ผู้ถือหุ้น และมีการเข้าพบบริษัทที่ลงทุนเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
แนวทางการลงทุนจะไม่เน้นตามดัชนี แต่เน้นเลือกบริษัทที่คุณภาพยอดเยี่ยม โดยมีการวัดความ Active ของผู้จัดการกองทุน ผ่าน Active Share Ratio ซึ่งกองทุนของกลุ่มอเบอร์ดีนมักจะมีค่า Active Share Ratio อยู่ในเกณฑ์สูงเกิน 80% ซึ่งหมายถึงการที่ผู้จัดการกองทุนเลือกลงทุนโดยไม่ล้อตามดัชนี และมีการตัดสินใจที่เด็ดขาดต่อมุมมองในการที่จะมี หรือไม่มีหุ้นแต่ละตัวในพอร์ต
อีกเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพคือการ Rebalancing อย่างมีวินัย คือมีการขายลดสัดส่วนการลงทุนเมื่อราคาหุ้นปรับสูงขึ้น และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลง ทำให้กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha) ทีละน้อย แต่สม่ำเสมอ จากการ “ซื้อถูก ขายแพง” เมื่อตลาดมีความผันผวน ซึ่งเหมาะกับตลาดบ้านเราเป็นอย่างมาก
ผมติดตาม 10 อันดับแรกของสินทรัพย์ที่กองทุนลงทุนมาตั้งแต่สมัยทำงานเป็นผู้จัดการกองทุน ซึ่งแนวการลงทุนของอเบอร์ดีนจัดเป็นสไตล์ Super Long Term คือมีระยะเวลาการถือครองหุ้นที่ยาวมาก ตราบใดที่ทีมงานยังมองว่าเป็นบริษัทที่ใช่ จากภาพจะเห็นได้ว่า 10 อันดับหุ้นที่กองทุนลงทุนหลายๆ ตัวมีระยะเวลาการลงทุนนานถึงกว่า 10 ปี แต่มีการ Rebalance สม่ำเสมอ เมื่อราคาหุ้นผันผวน
กองทุน ABSM เน้นลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap) ไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ณ วันที่กองทุนลงทุนครั้งแรก และเมื่อสังเกตดูจาก 10 อันดับแรกจะเห็นได้ว่าหลาย ๆ บริษัทได้เติบโตจากหุ้นขนาดเล็ก ไปเป็นหุ้นขนาดกลาง และขนาดใหญ่เป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
นอกจากความเด็ดขาดในการเลือกหุ้นแล้ว การเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมก็มีความ Active ไม่แพ้กัน จากการเลือกบริษัทในการลงทุนกองทุน ABSM มีสัดส่วนสูงสุดในกลุ่มประกันภัยและประกันชีวิตสูงถึง 17% ของพอร์ต ขณะที่น้ำหนักของหุ้นกลุ่มนี้อยู่ที่เพียง 1% ของดัชนี SET ซึ่งในรอบทศวรรษที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ากลุ่มประกันเป็น Mega Trend ตัวหนึ่งของเมืองไทยและมีการเติบโตเป็นอย่างมาก
ขณะที่หุ้นกลุ่มวัฏจักรที่เหวี่ยงขึ้นลงตามเศรษฐกิจ และราคาโภคภัณฑ์ อย่างกลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน กองทุนมีสัดส่วนที่ต่ำกว่า SET Index อย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนความชัดเจนในมุมมองต่อกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าลงทุน และสไตล์ของกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก
สไตล์การลงทุนของบลจ.อเบอร์ดีนชัดเจนมากว่าเน้น Buy and Hold คือซื้อแล้วถือ ตราบใดที่มองว่าบริษัทที่ลงทุนยังคงเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยม โดย Turnover Ratio หรือสัดส่วนที่สะท้อนปริมาณการซื้อขายของกองทุนเมื่อเทียบกับขนาดกองทุนจัดว่าอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมอุตสาหกรรม ก็แน่ล่ะครับ หุ้นบางตัวถือตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงปัจจุบันทำให้กองทุนประหยัดค่าคอมฯ ได้มากทีเดียว
สำคัญกว่าขึ้นเยอะ ๆ คือลงน้อย ๆ
คนทั่วไปลงทุนหวังผลกำไรเยอะ ๆ แต่แท้จริงแล้ว “การลงน้อย ๆ” ในยามตลาดผันผวนนั้นสำคัญกว่า เพราะเวลาขาดทุนมาก ๆ นั้นกว่าจะเอาคืนได้นั้นใช้เวลานาน และต้องมีอัตราผลตอบแทนสูงมาก ๆ ถึงจะกลับมาเท่าทุนได้
ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต เอกสารการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน
เมื่อดูผลตอบแทนรายปีในรอบหลายปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ชัดว่า ABSM นั้นมักทำผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดในปีที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสำเร็จของกองทุนในระยะยาว
เมื่อดูผ่าน 3D Diagram จากเว็บ FINNOMENA ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ผลงานของกองทุน 3 มิติในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จุดเด่นของกองทุนนี้ออกมาชัดเจนคือมี Maximum Drawdown อยู่ในระดับ “ดีที่สุด” แปลความหมายง่าย ๆ คือเวลาตลาดหุ้นปรับลดลงแรง ๆ กองทุนนี้ราคาหน่วยลงทุนปรับลดลงน้อยกว่ากองทุนอื่น ๆ อย่างชัดเจน
ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต เอกสารการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน
ความผันผวนของผลการดำเนินงานกองทุนเห็นได้ชัดว่าต่ำกว่าความผันผวนของ SET แม้ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก ประกอบกับความสามารถในการเลือกหุ้นรายตัวที่ยอดเยี่ยม และการมีวินัยในการ Rebalance พอร์ตการลงทุนส่งผลให้ ABSM มีผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยม และสร้างผลตอบแทนต่อปีหลังหักค่าตอบแทนสูงถึงกว่า 14% ในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
เมื่อดูอันดับผลตอบแทนของกองทุนผ่าน Morningstar ก็จะพบว่ากองทุน ABSM เป็นกองทุนที่มีผลตอบแทนอันดับต้น ๆ ในรอบ 5 – 10 ปีที่ผ่านมาเช่นกัน
ทั้งหมดนี้ก็เป็นการรีวิวกองทุนหุ้นขนาดกลาง/เล็กสุดคลาสสิคของเมืองไทย ABSM – Aberdeen Small Cap Fund ที่นำมาฝากกันในวันนี้ โดยกุญแจสำคัญของความสำเร็จของกองทุนอยู่ที่วินัยในการทำงานอย่างหนัก และต่อเนื่องมาหลายสิบปีของทีมจัดการลงทุน รวมถึงสไตล์การลงทุนที่เน้นลงทุนระยะยาว และทำให้กองทุนมีระดับความเสี่ยงที่ต่ำกว่าตลาดอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งผลงานที่ยอดเยี่ยมของกองทุนในรอบทศวรรษที่ผ่านมา
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.aberdeen-asset.co.th/aam.nsf/ThailandThai/fundsprices?OpenDocument&id=678t
FundTalk รายงาน
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน