กองทุนหลักที่ควรมีในพอร์ตในยุคปัญญาประดิษฐ์
เรากำลังมาถึงยุคที่ AI หรือปัญญาประดิษฐ์มีอิทธิพลในโลกของการลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยในระยะยาวดูจะมีความเป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพของปัญญาประดิษฐ์อาจทำผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้มากกว่าการบริหารกองทุนโดยใช้ผู้จัดการกองทุนแบบดั้งเดิม
วันนี้ผมขอแนะนำให้รู้จักกับกองทุนที่สามารถใช้เป็นสัดส่วนหลักของพอร์ตการลงทุนในยุคการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีในครั้งนี้ครับ
AI Vs Machine Learning Vs Deep Learning
ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence
คือการที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถเลียนแบบ พัฒนา และแสดงพฤติกรรมของมนุษย์ รวมถึงตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง
Machine Learning
คือการสอนให้คอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองโดยใช้ข้อมูล หลัก ๆ ก็คือใส่ข้อมูลเข้าไป เลือกโมเดลที่ใช้เรียนรู้ และก็รันโมเดลนั้นบนระบบคอมพิวเตอร์นั่นเอง
Deep Learning
ก็คล้าย ๆ กับ Machine Learning แต่เป็นระบบการเรียนรู้ที่คล้าย ๆ กับกลไกสมองมนุษย์ ที่เขาเรียกกันว่า Neural Network ซึ่งมีความซับซ้อนมากกว่า และแน่นอนต้องอาศัยระบบคอมพิวเตอร์ที่มีกำลังมากกว่าด้วย
สิ่งเหล่านี้ล่ะครับ ที่กำลังเกิดการนำมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจจัดการลงทุนกันอย่างต่อเนื่อง โดยทุกวันนี้หลาย ๆ บริษัทจัดการกองทุนทั้งในและต่างประเทศต่างก็เริ่มนำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์และจัดการลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยหลาย ๆ กองทุนเริ่มมีการจ้างนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลหรือ Data Scientist มาทำ Machine Learning และ Deep Learning Model เพื่อใช้ในการตัดสินใจการลงทุนให้กับกองทุนกันแล้ว
MSCI World Index ดัชนีหุ้นหลักของโลก
ตามหลักการลงทุนระยะยาวที่ใช้กันทั่วโลกมักจะใช้ MSCI World Index มาเป็นสินทรัพย์หลักในพอร์ตการลงทุน โดยเจ้าดัชนี MSCI World Index นี้จะครอบคลุมน้ำหนักการลงทุนในหุ้นทั่วโลกถึง 88%
ภายใน MSCI World Index ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในดัชนีหุ้นที่มีมูลค่ากิจการสูงที่สุด 3 อันดับแรกของโลกคือ สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น
ที่มา: justETF.com
ข้อดีของ MSCI World ก็คือความเสถียรของราคาที่ดีกว่า เพราะเน้นลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศที่พัฒนาแล้วจึงมีความผันผวนที่ต่ำกว่า MSCI Emerging Market ที่ลงทุนในหุ้นของภูมิภาคตลาดเกิดใหม่
ที่มา: MSCI
โดยข้อมูลจาก MSCI พบว่า กว่า 30 ปีที่ผ่านมา MSCI World ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 7.9% เท่ากับว่าการลงทุนในดัชนีนี้จะให้ผลตอบแทนเป็นเท่าตัวสำหรับการลงทุนเป็นระยะเวลาประมาณ 10 ปี
และให้ผลตอบแทนประมาณ 10 เท่าตัวสำหรับระยะเวลาการลงทุนทบต้น 30 ปี
จึงเป็นสาเหตุที่ MSCI World ควรใช้เป็นสินทรัพย์หลักในพอร์ตการลงทุนที่เหมาะถือครองยาว ๆ เพราะผลตอบแทนใช้ได้ และความผันผวนไม่มากจนเกินไป
Goldman Sachs Global CORE Equity Portfolio
Goldman Sachs ซึ่งเป็น asset management อันดับต้น ๆ ของโลกได้พัฒนากองทุนที่ชื่อ Goldman Sachs Global CORE Equity Portfolio ซึ่งนำเอาปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการลงทุน MSCI World มาได้ระยะเวลาหนึ่ง
โดยข้อมูลที่นำมาใช้จะมีทั้งปัจจัยทางเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างที่ใช้กันทั่วไป รวมถึงการนำเอา Alternative Data เช่น ข้อมูลภาพถ่ายทางดาวเทียม ข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ ข้อมูลการ search มาเป็นฐานข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์
จากนั้นก็นำข้อมูลเข้ามารันด้วย AI Model และเลือกหุ้นที่มีค่า Alpha คือหุ้นที่คาดว่าจะทำผลตอบแทนได้ชนะ MSCI World ในแต่ละขณะเวลา ซึ่งจะมีการปรับพอร์ตทุก ๆ 3 วัน และมีระยะเวลาการถือครองประมาณ 6 – 12 เดือน
ที่มา: Goldman Sachs
โดยที่ผ่านมาพบว่าการใช้โมเดลดังกล่าวสามารถทำผลตอบแทนได้ค่อย ๆ ชนะดัชนี MSCI World โดยผลตอบแทน 5 ปีย้อนหลังของกองทุนอยู่ที่ 9.39% ต่อปี สูงว่า MSCI World ที่ 7.30% ต่อปี (ณ 30 เม.ย.62)
สั้น ๆ คือ 5 ปีที่ผ่านมาสามารถเอาชนะ MSCI World ได้เฉลี่ยปีละประมาณ 2% ซึ่งถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมทีเดียว (ผลตอบแทนของกองทุนนี้ลงทุนในหน่วยลงทุนชนิด Class I (Acc.) (closed) (USD) ขณะที่กองทุนที่ TMBAM Eastspring ลงทุน จะลงทุนในหน่วยลงทุนชนิด Class I Shares (Acc.) (Snap) ซึ่งมี
นโยบายการลงทุนแบบเดียวกัน แต่เวลาปิดเพื่อคำนวณหน่วยลงทุนแตกต่างกันจากข้อจำกัดด้าน Time Zone ของประเทศที่เข้าไปลงทุน ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้รับในระยะยาวอาจแตกต่างกันได้บ้าง)
กองทุนนี้จึงน่าจะเหมาะกับการใช้เป็นกองทุนหลัก (Core Portfolio) สำหรับการจัดพอร์ตลงทุนในส่วนของหุ้นต่างประเทศได้
ในการนี้ ทาง TMBAM Eastspring จึงได้เลือกสรรกองทุน Goldman Sachs Global CORE Equity Portfolio มาแนะนำให้กับผู้ลงทุนบ้านเรา ในชื่อกองทุน “TMB Eastspring Global Core Equity” ซึ่งจะมีการเสนอขายครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 11 – 19 ก.ค. นี้
โดยความน่าสนใจของกองทุนนี้อยู่ที่การเน้นลงทุนใน MSCI World Equity ที่เหมาะใช้เป็นสินทรัพย์หลักในพอร์ตการลงทุน มาบวกกับการใช้วิทยาศาสตร์ข้อมูลสมัยใหม่ซึ่งเป็น Mega Trends แห่งอนาคตมาใช้ในการเลือกหุ้น และปรับพอร์ตจึงทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับท่านผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนใน TMB Eastspring Global Core Equity Fund สามารถดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่
FundTalk รายงาน
คำเตือน
– เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน /หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
– กองทุนนี้ไม่เหมาะกับผู้ลงทุนที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนนี้ในระยะอันใกล้ หรือไม่สามารถรับความเสี่ยงจากการลดลงของเงินต้นจากการลงทุนในหุ้น
– ผลการดำเนินงานในอดีต ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
– ขอรับหนังสือชี้ชวนกองทุนได้ที่ธนาคาร TMB ทุกสาขา หรือโทร 1725 หรือ www.tmbameastspring.com
– ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน