FundTalk – ลงทุนกองทุนอะไรดี ?

แชร์บทความนี้

“ลงทุนกองทุนอะไรดี” เป็นคำถามยอดฮิต คำถามหนึ่งที่ผมมักจะได้รับ รวมถึงเป็นประโยคหนึ่งที่นักลงทุนไทยนิยมพิมพ์ลงไปใน Search Engine เพื่อค้นหาทาง Internet ซึ่งวันนี้ผมจะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ครับ

ปีนี้กองทุนของที่ไหนผลตอบแทนดีที่สุด ?

เป็นคำถามที่ผมได้ยินบ่อยมาก แต่ผมคิดว่ามีข้อควรระวังครับ บ่อยครั้งที่เราลงทุนโดยดูผลตอบแทนในอดีตเป็นหลัก เช่น เวลาจะซื้อกองทุน LTF ตอนปลายปี ก็จะดูว่าในปีนั้นกองทุนของที่ไหนให้ผลตอบแทนดีที่สุด แล้วก็เลือกลงทุนกับกองทุนนั้น แต่บ่อยครั้งอีกเช่นกันครับว่าในปีถัดไปที่กองทุนที่เราซื้อไม่ได้ให้ผลตอบ แทนที่ดี หรืออาจจะอยู่ในอันดับล่าง ๆ เลยก็ได้ สาเหตุหนึ่งอาจจะมาจากผลตอบแทนในปีก่อนหน้าที่ดีกว่าปกติ และหุ้นที่กองทุนถืออยู่ราคาปรับเพิ่มไปค่อนข้างมาก และสูงเกินมูลค่าพื้นฐาน ในปีถัดไปผลตอบแทนเลยไม่ได้ออกมาดีนัก ผมแนะนำให้ดูผลตอบแทนในช่วงเวลาที่ยาว เช่น 3 – 5 ปีครับ เพราะการลงทุนในหุ้นควรจะเป็นการลงทุนระยะยาวอย่างน้อย 3 – 5 ปีอยู่แล้ว อีกทั้งหากเป็นการลงทุนในกองทุน LTF ก็เป็นการลงทุนระยะหลายปีเพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แล้วเราจะมาดูผลตอบแทนกันปีต่อปีเพื่อกำหนดการตัดสินใจทำไมล่ะครับ ผมเสนอให้เปลี่ยนคำถามที่คุณควรสนใจเป็น “ผลตอบแทน 3 – 5 ปี กองทุนไหนดีที่สุด” เพื่อใช้ในการเลือกกองทุนครับ

ช่วงนี้ลงทุนกองทุนประเภทไหนดี ?

เป็นอีกคำถามยอดฮิตเช่นกัน ซึ่งจากการสังเกตพฤติกรรมของนักลงทุนที่ผ่านมา ผมมักจะเห็นการซื้อเข้ามาอย่างคับคั่งหลังจากที่ผลตอบแทนของกองทุนแต่ละประเภทปรับเพิ่มขึ้นมามาก ๆ ยกตัวอย่างเช่น มักจะเห็นคนแห่ซื้อกองทุนที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ เมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นไปมาก ๆ และก็มักจะเห็นคนแห่ซื้อกองทุนตราสารหนี้ประเภทอายุยาว ๆ เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนปรับเพิ่มขึ้นไปมาก ๆ และบ่อยครั้งเหลือเกินที่ผลที่ออกมาก็คือการ “ติดดอย” ไปตาม ๆ กัน เพราะเป็นการเข้าซื้อที่จังหวะ peak ของตลาด ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวที่เรามักจะชอบทำกันเป็นการ “มองไปข้างหลัง” ว่าที่ผ่านมาสินทรัพย์ประเภทใดให้ผลตอบแทนดี แต่เรามักจะลืมไปว่าเมื่อเราลงทุนนั้น ผลตอบแทนที่เราจะได้รับคือผลตอบแทนในอนาคต ดังนั้นเราจึงควรจะศึกษาอนาคตกันซักนิดครับ เช่น ดูภาวะเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตข้างหน้าว่าอยู่ในวัฏจักรใด ถ้าในอนาคตปีข้างหน้าเป็นเศรษฐกิจขาขึ้น ก็จะเหมาะกับหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ แต่ไม่เหมาะกับตราสารหนี้อายุยาว ๆ กลับกันถ้าในอนาคตปีข้างหน้าเป็นเศรษฐกิจขาลง การลงทุนในตราสารหนี้ที่อายุยาว ๆ ก็เป็นการตัดสินใจที่ดีครับ (ท่านสามารถติดตามเรื่องการวิเคราะห์เศรษฐกิจเพื่อกำหนดกลยุทธการลงทุนที่ เคยตีพิมพ์ในคอลัมน์ คุยกับ “ผู้จัดการกองทุน” ได้ที่ http://feeds.feedburner.com/fundmanagertalk )

การจัดสัดส่วนการลงทุน (Asset Allocation)

สำหรับหลาย ๆ ท่านที่ไม่ได้มีเวลาในการติดตามภาวะเศรษฐกิจ ว่าในแต่ละช่วงเวลาควรปรับเงินลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ใด ผม แนะนำให้ท่านทำการจัดพอร์ตการลงทุนระยะยาวให้เหมาะกับความสามารถในการรับ ความเสี่ยงของท่าน (Asset Allocation) และปล่อยให้เงินลงทุนทำงานระยะยาว ซึ่งดีกว่าการปรับสัดส่วนไปมาตามกระแส หรือปรับสัดส่วนโดยการมองจากอดีตดังที่กล่าวมาข้างต้น สำหรับประเด็นเรื่องการ Asset Allocation จะเป็นประเด็นที่ผมนำเสนอในคราวถัดไปครับ

ผมได้ทำการ update ภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มการลงทุนแบบวันต่อวัน ผ่านทาง twitter ในชื่อ @FundTalk ถ้าสนใจลองติดตามดูนะครับ

เจษฎา สุขทิศ, CFA.
ผู้จัดการกองทุน, บลจ. อยุธยา จำกัด.

Facebook Comments

แชร์บทความนี้
เจษฎา สุขทิศ, CFA ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FINNOMENA & นายกสมาคมฟินเทคประเทศไทย คุณเจษฎา เคยปฏิบัติงานในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล และเคยร่วมงานเป็นผู้จัดการกองทุนกับกลุ่ม เจพี มอร์แกน, ไทยพาณิชย์ และยูโอบี นอกจากนี้ ในปัจจุบัน คุณเจษฎา รับหน้าที่เป็นวิทยากรด้านการเงิน และฟินเทค ให้กับภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ คุณเจษฎา เคยได้รับรางวัลนักเศรษฐศาสตร์ดาวรุ่งจากสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์, รางวัล Most Astute Investor จากนิตยสาร The Asset และรางวัล Morningstar Fund Award
Posts created 106

Related Posts

Begin typing your search term above and press enter to search. Press ESC to cancel.

Back To Top